ต่อจากครั้งที่แล้ว จากที่ได้ทดลองทำบ่อเลี้ยงในบ่อดิน ก็ได้ปรับปรุงการทำบ่อดินให้ึมั่นคงกว่าแบบเดิม โดยการทำเป็นโครงหลังคา และใช้ตาข่ายคลุมเพื่อป้องกันศัตรูกบไม่ว่าจะเป็นนกชนิดต่าง ๆ ที่ชอบกินสัตว์น้ำ
หลังจากที่เลี้ยงกบแล้ว จะไปขายที่ไหนดี
ทางออกมีให้คุณเลือกเยอะครับ ไม่ว่าจะเป็นการขายส่งตามตลาดสด หรือแปรรูปในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำอั่วกบ (กบยัดไส้) กบแดดเดี่ยว ทำขึ้นมาเถอะครับ ขอให้ทำให้สะอาด รสชาติดี น่ารับประทาน ถ้าไม่ขี้เกลียด ก็ขายได้หมดนั่นแหละครับ มาดูผลงานของผมครับ
อั่วกบ
เป็นการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ครับ ผมเองก็ทำเป็นอาชีพเสริมครับ ถ้าเลี้ยงกบไว้มากเกินไปเราอาจจะส่งขายไม่ทัน ยิ่งเลี้ยงไว้นาน ๆ ค่าอาหารที่ซื้อให้กบกินก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายเราต้องรีบจำหน่ายกบออกให้หมด เป็นการลดค่าใช้จ่าย แต่รายได้เพิ่มขึ้น ถ้าเราทำได้กำไรจากการเลี้ยงกบก็เพิ่มขึ้น ไม่ต้องรอแต่ว่าจะส่งขายตามตลาดเท่านั้น แต่ถ้าเป็นการขายยกบ่อก็ดีครับถ้าทำได้ ตรงนี้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นการขายส่งตามตลาดวันละ 5 กิโล 10 กิโล แบบนี้ไม่ไหวครับ
เรารองมาคิดดูว่า ถ้าเราเลี้ยงกบ 1,000 ตัว กบมีน้ำหนัก 10 ตัว/กิโล ถ้าเราส่งตลาดวันละ 10 กิโล ๆ ละ 70 บาท เราจะใช้เวลาส่งตลาดอยู่ 10 วัน เราก็จะได้เงินจากการขายกบวันละ 700 บาท/วัน
แต่ถ้าเราทำการแปรรูป เราจะมีรายได้เพิ่มขึ้นมาอีกจากวันละ 700 จะเพิ่มขึ้นมาอีกเป็น 2-3 เท่าตัว และราคากบที่เราขาย จะมีขึ้น ๆ ลง ๆ ตามแต่ฤดูกาลนะครับ ถ้าขายกบนอกฤดูอาจจะได้ราคากิโลกรัมละ 80-90 บาทครับ
ครั้งแรก ๆ ผมคิดว่าเลี้ยงกบเมื่อกบโตก็จับขายส่งตลาด แต่พอมาเลี้ยงจริง ๆ เข้า กบยิ่งโตก็ยิ่งกินอาหารสิ้นเปลืองไปเรื่อย ๆ ก็เลยหันมาแปรรูปขายเพื่อเพิ่มรายได้อีกทาง
แต่อย่างไรก็ตาม การจะทำอะไรก็ต้องดูตลาดของผลิตภัณฑ์ด้วยนะครับ