วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

การเลี้ยงปลาดุกในโอ่งน้ำ

การเลี้ยงปลาดุกในโอ่งเก็บน้ำ
         การเลี้ยงปลาดุก  เป็น วิธีการเลี้ยงปลาอีกวิธีหนึ่งที่สามารถเลี้ยงกันได้ง่าย และสำหรับสถานที่ก็ใช้พื้นที่ไม่เยอะ และสามารถเคลื่อนย้ายท่อปูนซีเมนต์ได้ง่ายด้วย ค่าลงทุนในการการเลี้ยงก็ไม่มากสามารถนำไปประกอบเป็นอาชีพเสริมได้ ส่วนผลตอบแทนก็เป็นที่น่าภูมิใจครับ
        1.  เติมน้ำลงในโอ่งน้ำประมาณ 2  ฟุต ปล่อยทิ้งไว้  1  สัปดาห์  แล้วค่อยนำปลามาปล่อย  อัตราการปล่อยปลา  100-150 ตัว 
        2.  การเปลี่ยนถ่ายน้ำ  เปลี่ยนน้ำสัปดาห์ละ  1  ครั้ง  ใช้วิธีการเพิ่มปริมาณน้ำำครั้งละ  1  ฟุต ทุก  2  วัน  จนกว่าปริมาณน้ำจะเต็มโอ่ง หลังจากที่น้ำเต็มโอ่งแล้ว การเปลี่ยนถ่ายน้ำครั้งต่อไป เราจะใช้วิธีการลดปริมาณน้ำในโอ่งลง ให้เหลือน้อยลง คือลดลง 1/4 ของปริมาณน้ำทั้งหมด
         3.  เมื่อลดปริมาณน้ำเสร็จแล้ว เราก็จะเริ่มขั้นตอนของการเพิ่มปริมาณน้ำขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกว่าปลาที่เลี้ยงไว้จะเจริญเติบโตเต็มที่
         การเลี้ยงปลาในโอ่งน้ำ เราจะใช้อีเอ็ม เทลงในโอ่งเลี้ยงปลาสัปดาห์ละ  1  ครั้ง เพื่อปลาที่เราเลี้ยงไว้จะได้แข็งแรง ทำให้ปลากินอาหารได้ดีขึ้น
         ภาพนี้ ผมผึ่งปล่อยลงโอ่งน้ำ เมื่อต้นเดือนสิงหาคม ครั้ง  ตอนนี้โตแล้วครับ ใกล้จะจับขายได้แล้ว
   
การให้อาหาร
           1-2 เดือนแรก ให้อาหารเฉพาะตอนเย็น วันละ 1  ครั้ง หลังจากสองเดือนผ่านไปก็ให้อาหารเช้า-เย็น หลังจากให้อาหารปลาเสร็จ ให้สังเกตดูว่าอาหารที่ให้นั้นปลากินหมดมั้ย ถ้าไม่หมด ก็ให้ลดปริมาณอาหารที่ให้ลง เพื่อป้องกันน้ำเน่าเสีย



แหล่งจำหน่าย
           ขายตามหมู่บ้านครับ กิโลกรัมละ  60-70  บาท







วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

การผลิตสื่อสำหรับเด็กปฐมวัย เกมส์จับคู่เพิ่มทักษะเด็กๆ สื่อฝึกทักษะเด็กปฐมวัย

เกมการจัดหมู่ สัตว์บก สัตว์น้ำ

สนใจติดต่อสอบถาม :
คุณนุช   สีสิม โทร: 085-4154628
 


วัสดุที่ใช้
        1.     กระดาษ A
        2.     กระดาษแข็ง
        3.     ไม้บรรทัดเหล็ก
        4.     คัดเตอร์
        5.     กระดาษกาว  2  หน้า (หรือกาวน้ำ)
        6.     กระดาษสี (ลวดลาย หรือสีล้วน)
        7.     สติ๊กเกอร์ใส
               

วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2554

การผลิตสื่อจากวัสดุเหลือใช้ การทำหุ่นจากกล่องยาสีฟัน สื่อการสอนปฐมวัย



การทำหุ่นจากกล่องยาสีฟัน


สนใจติดต่อสอบถาม :
คุณนุช  สีสิม โทร: 085-4154628


 วัสดุอุปกรณ์
  
      กล่องกระดาษ (กล่องนม, กล่องยาสีฟัน)
      -  กรรไกร
      -  กาว
      -  กระดาษสี

วิธีทำ

      1.   นำกระดาษสีห่อกล่องกระดาษให้สวยงามเขียนจุดประ เพื่อตัดตามจุดประ  3  ด้านเท่านั้น   (ดังภาพ)


 
      2.   ตัดครึ่งกล่องติดหน้า จมูก ปาก หู ตา เป็นรูปช้าง  สุนัขจิ้งจอก  หมู หรือหน้าสัตว์ที่ต้องการ (จะมีด้านที่ 4 เป็นตัวเชื่อม ปากบน-ล่าง)
      3.   ด้านหลังตอนบนติดแถบกระดาษสำหรับปิด - เปิดปาก




ประโยชน์

      ใช้ประกอบการเล่นหุ่น ซึ่งเล่าประกอบนิทานก็ได้  เพื่อความสนุกสนานของบทเรียน และความตื่นตาตื่นใจกับอุปกรณ์ใหม่ ๆ เด็กนักเรียนสามารถทำเองได้
      เพื่อฝึกความสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อมือให้สัมพันธ์กันในการบังคับการปิด-เปิดของปากช้าง  สุนัขจิ้งจอก  หมู









วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

การผลิตสื่อสำหรับเด็กปฐมวัย แผ่นพับแสนกล

การผลิตสื่อสำหรับเด็กปฐมวัย
แผ่นพับแสนกล

สนใจติดต่อสอบถาม : 
คุณนุช   สีสิม โทร: 0854154628



 หลักการและเหตุผล
             เด็ก ปฐมวัยเป็นวัยแห่งการเรียนรู้ เด็กจะมีความอยากรู้อยากเห็น สื่อเป็นส่วนหนึ่งหรือเป็นตัวกลางของการเรียนรู้ สื่อที่ดีที่ใช้ในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องมีคุณสมบัติในการถ่ายทอดความหมาย สื่อสามารถอธิบายความหมายสิ่งต่าง ๆ มีความเป็นรูปธรรมมากที่สุด สื่อจะช่วยทำให้สิ่งที่เป็นนามธรรมที่เด็กเข้าใจยาก ได้เข้าใจได้ง่ายขึ้นในรูปแบบของรูปธรรม สื่อจะช่วยการเรียนรู้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน รวดเร็ว และจำได้แม่นยำ ดังนั้นสื่อที่ดีจึงมีความสำคัญต่อการการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย และมีความจำเป็นมากสำหรับเด็กปฐมวัย ซึ่งเป็นวัยที่มีประสบการณ์น้อย ครูปฐมวัยจำเป็นที่จะต้องเลือกสื่อและนำสื่อมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ให้ เหมาะสมที่สุด

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2554

การเลี้ยงกบ


 การเพาะเลี้ยงกบในบ่อดิน

 อาทิตย์  บุญมีรักษ์  เป็นเกษตรกรมือใหม่ 
อาศัยอยู่บ้านเลขที่  6 หมู่ 1 บ้านค้อ ตำบลกุดลาด อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 34000
โทร 080-1645444 

        ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบทำการเกษตร แต่ติดตรงที่ว่ามีเวลาว่างไม่มากนัก เพราะต้องทำงานด้วย โดยกำเนิดแล้ว ผมก็เป็นลูกชาวนาอยู่แล้วครับ จึงหันมาสนใจการทำเกษตรพอเพียงโดยการทดลองเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติก เลี้ยงอยู่ประมาณ 2 ปีได้ แต่ส่วนมากแล้ว ที่เลี้ยงไว้จะใช้ทำเป็นอาหารครับ เป็นการลดค่าใช้จ่ายไปในตัว อย่างน้อยเราก็มีปลาที่เราเลี้ยงไว้ วันไหนไม่มีกับข้าว เราก็จับมันมาทำเป็นอาหารได้ครับ  ไม่มีอดครับ
         ตอนนี้ผมหันมาศึกษาการเลี้ยงกบครับ เลี้ยงมาเป็นเวลา 2 ปีแล้วครับ  แต่ไม่ได้เลี้ยงในเชิงธุรกิจ ครั้งแรกที่เริ่มเลี้ยง ผมได้พ่อพันธุ์ แม่พันธุ์มาเพียงแค่ 2 คู่  ก็เลยทดลองเพาะลูกอ๊อด โดยการศึกษาจากอินเตอร์เน็ตครับ ลองผิดลองถูกมาหลายครั้ง 
         เพาะครั้งแรก   ไม่ประสบความสำเร็จ 
         เพาะครั้งที่สองจึงประสบความสำเร็จ ได้ลูกอ๊อดมาหนึ่งคอก  ประมาณ 100  ตัว เลี้ยงไป ๆ มา ๆ จนลูกอ๊อดกลายเป็นกบที่รอดตายจริง ๆ เพียงแค่ 10 ตัวเองครับ
         เพาะครั้งที่สาม  จึงได้มาศึกษาการเพาะลูกอ๊อด และอนุบาลลูกอ๊อด ครั้งนี้ผมได้ลูกอ๊อดมาประมาณ หนึ่งคอกเช่นกัน แล้วก็ได้ทดลองอนุบาลจนลูกอ๊อดมีขางอกออกมา และกลายเป็นลูกกบ ประมาณ 1,000 กว่าตัว  ครั้งนี้ดีใจมากที่เพาะลูกอ๊อดได้สำเร็จ 


การเพาะเลี้ยงกบในบ่อดิน
        การเลี้ยงกบเป็นอาชีพ หนึ่งที่สามารถทำรายได้ให้กับเกษตรกร ซึ่งในการเลี้ยงนั้นควรมีความเข้าใจถึงวิธีการเลี้ยงที่ถูกต้องก่อนจึงจะทำ ให้การเลี้ยงประสบความสำเร็จได้

บ่อเพาะลูกกบ
 
     วัสดุที่ใช้
         1. ตาข่าย 
         2. ผ้ายาง
         3. ลวด
         4. ครีมตัดลวด

     ขั้นตอนการทำบ่อ
         -  ขุดบ่อขนาด  1.50 x 2.00 เมตร ความลึกตรงกลางของบ่อ  ประมาณ  15  เซนติเมตร
         -  ขอบบ่อปรับพื้นดินให้มีความลาดเอียง 
         -  นำผ้ายางมาปู แล้วนำดินมากลบขอบผ้ายางให้มิดชิด  
         -  นำตาข่ายมาล้อมรอบบ่อ เพื่อป้องกันศัตรูกบ
         -  นำหญ้ามาปลูก เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด  เพื่อให้พ่อแม่พันธุ์ขึ้นไปหลบซ่อนตัวได้
         -  ต่อท่อน้ำติดสปริงเกอร์ เพื่อทำเป็นฝนเทียม

การผสมพันธุ์กบ










         ส่วนมากกบจะทำการผสมพันธุ์ และวางไข่หลังจากฝนตก เมื่อเลือกกบ ที่มีลักษณะดีแล้วให้นำมาปล่อยในบ่อผสมพันธุ์ในอัตราตัวผู้ 5 ตัวต่อตัวเมีย 10 ตัว (ตัวผู้กับตัวเมียมีขนาดเท่ากัน) ระดับน้ำในบ่อลึกประมาณ 10-15 เซนติเมตร ภายในบ่อ ใส่พวกหญ้าไปด้วยพอประมาณ รักษาระดับน้ำให้คงที่ตลอดเวลา ในช่วงนี้งดให้ อาหารประมาณ 2-3 วัน ถ้ายังไม่มีฝนตกให้เปลี่ยนน้ำใหม่และอาจพ่นน้ำในบ่อผสมพันธุ์ ไห้เหมือนกับฝนตก หลังจากนั้นกบก็จะผสมพันธุ์และวางไข่ในเวลาเช้ามืด
          หลังจากกบวางไข่แล้ว ให้นำพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ออกจากบ่อ หลังจากการวางไข่ประมาณ 1 วัน ไข่ก็จะฟักออกเป็นตัว
บ่อเพาะลูกกบ

         บ่อนี้เป็นบ่อที่ผมทดลองเพาะลูกอ๊อดและประสบความสำเร็จในการเพาะ และสามารถเพาะลูกอ๊อดได้ในแต่ละครั้งถึง  2-3  กิโลกรัม และเราสามารถขายได้ในราคากิโลกรัมละ  200 บาท 

         มาดูบ่อที่เตรียมไว้เป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์  ครับ
        

           บ่อนี้ครับ มีอายุ  5 - 6  เดือน ครับ  อีกไม่นาน ก็คงจะพร้อมที่จะลงบ่อเพาะเลี้ยงได้ครับ  ลองมาดูอีกบ่อหนึ่งครับ
           ที่ผมเลี้ยงไว้  การให้อาหาร  ผมจะแยกให้กบขึ้นไปกินบนบก  เพื่อป้องกันน้ำเสียครับ ซึ่งโดยปกติแล้ว ผมจะเปลี่ยนถ่ายน้ำทุกวัน  แต่ตอนนี้ผมจะเปลี่ยนถ่ายน้ำทุก  2  วันครับ จะสังเกตเห็นว่าน้ำในบ่อน้ำนี้ไม่ได้ใหญ่มากนะครับ ลึกประมาณ  3  นิ้วครับ ประหยัดน้ำ  อาหารที่ให้ก็ไม่ละลายน้ำเสียจนหมดครับ

          ลองมาดูอีกบ่อครับ  บ่อนี้อา่ยุ 4-5  เดือนครับ  แต่เหลือไม่เยอะครับ ประมาณ 100 ตัวเศษ ๆ เพราะจับมาทำเป็นอาหารบ้าง จับขายภายในหมู่บ้านครับ กิโลกรัมละ  100  บาท   


          ถ้าจะพูดถึงว่าที่เลี้ยง ๆ มาคุ้มมั้ย กับการลงทุนไป คือเราต้องมองว่า ที่เราเลี้ยง ๆ เพื่ออะไร เราเลี้ยงไว้เพื่อจำหน่าย  หรือเลี้ยงไว้เพื่อเป็นอาหาร  แต่ผมคิดว่ามันคุ้มถ้าเราเลี้ยงไว้เพื่อเป็นอาหาร  แต่ถ้าเราไม่กิน เราก็จับขายเพื่อได้
          แต่ถ้าจะเลี้ยงในเชิงการค้า ต้องเตรียมพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไว้เยอะ ๆ ครับ ต้องมีการจัดการที่ดีด้วย


สิ่งที่ควรคำนึงและเตรียมตัวก่อนเลี้ยงกบ 
         ต้องศึกษาหาความรู้เบื้องต้นในการเลี้ยงกบจากฟาร์มกบโดยตรงหรือผู้ที่เลี้ยง กบอยู่แล้ว อย่าอาศัยแค่อ่านจากเว็ปหรือหนังสือ เพราะการปฏิบัติจริงต้องละเอียดอ่อนมาก ๆ

การจัดการที่ดี
         1.  เริ่มตั้งแต่การดูแลบ่อพัก พ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ และการให้อาหาร
         2.  เปลี่ยนถ่ายน้ำในบ่อเลี้ยงทุก  2  วัน
         3.  ทำความสะอาดบริเวณที่ให้อาหารก่อนการให้อาหารทุกครั้ง เนื่องจากบริเวณที่เราให้อาหาร จะมีเศษอาหารที่กบกินไม่หมด เก็บทำความสะอาดออกไป
         3.  ต้องคอยสังเกตด้วยว่ามีกบตัวไหนที่กินอาหารไม่ทันเพื่อน ให้จับแยกไปไว้บ่อใหม่เลยครับ เพราะถ้าไม่แยกจะทำให้การเจริญเติบโตของกบช้า
        
มาดูบ่อเพาะลูกอ๊อดครับ


บ่อเพาะลูกอ๊อด


        วันที่ 7 ส.ค. 2554 วันนี้ผมได้นำพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ลงบ่อเพาะลูกอ๊อด จำนวน  3  บ่อครับ  และรุ่งเช้ามา พ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ จับคู่ และวางไข่แล้วครับ  รอดูต่อไปครับว่าจะเป็นยังไง เดี๋ยวจะนำภาพมาให้ดีอีกทีหนึ่ง
        วันที่ 9 ส.ค. 2554  วันนี้บ่อเพาะลูกอ๊อดของผมทั้ง  3  บ่อ ฟักเป็นตัวแล้วครับ



การอนุบาลและการให้อาหาร
         -  หลังจากที่ลูกกบฟักเป็นตัวอีกประมาณ 2  วัน เราค่อยให้อาหาร
         -  สัปดาห์ที่ 1  ให้กินไข่แดงไปก่อน วันละ  1  ครั้ง
         -  เปลี่ยนถ่ายน้ำสัปดาห์ละ  1  ครั้ง  การเปลี่ยนน้ำให้เอาน้ำในบ่อออกประมาณ 2 ใน 3 ของน้ำที่มีในบ่อ  หลังจากนั้นใำห้เพิ่มน้ำเข้าไปให้ได้ระดับเดิม  (หรืออาจจะเปลี่ยนน้ำเมื่อสังเกตเห็นว่าน้ำเริ่มเน่าเสียแล้ว)
         -  สัปดาห์ที่ 2  ให้กินไข่แดงตอนเช้า  ตอนเย็น ให้หัวอาหารกบเบอร์เล็กสุด บดให้เป็นผง แล้วโรยให้ทั่วบ่อ     
           สังเกต ด้วยว่า หากอาหารในบ่อยังเหลือ ตอนเย็นก็ไม่ต้องให้อาหารเพิ่ม เพราะจะทำให้น้ำเน่าเสีย 
         -  เปลี่ยนถ่ายน้ำเมื่อสังเกตเห็นว่าน้ำเริ่มเน่าเสียแล้ว
         -  สัปดาห์ที่ 3  ให้เฉพาะหัวอาหาร  บดให้แตก แต่ไม่ต้องให้แตกละเอียดมาก วันละ  2  ครั้ง เช้าเย็น
         -  สัปดาห์ที่ 4  เมื่อสังเกตเห็นว่า ลูกอ๊อดมีขางอกออกมาแล้วก็สามารถจับจำหน่ายได้

           ผ่านมา  10 วันแล้วครับ ลูกกบเริ่มโตแล้วครับ ผมจะให้อาหารลูกกบตอนเช้า โดยการให้หัวอาหาร บุให้แตก แล้วโรยให้ทั่วบ่อ ทุก ๆ วันก่อนการให้อาหาร ให้สังเกตดูด้วยว่าอาหารที่ให้ไปนั้น ลูกกบกินหมดหรือยัง ถ้ายังเราอาจจะไม่ให้เพิ่ม หรือให้เพิ่มก็เพียงเล็กน้อย เพื่อที่น้ำในบ่อจะได้ไม่เน่าเสีย และต้องคอยเพิ่มปริมาณน้ำทุก ๆ  2  วัน
          

การอนุบาลลูกอ๊อดให้เป็นกบ
        คัดแยกลูกอ๊อดที่มีขางอกออกมาครบทั้ง  4  ขาแล้ว  ออกจากบ่อลูกอ๊อด นำไปลงบ่ออนุบาลลูกกบ เพื่อป้องกันการกัดกินกันของลูกอ๊อด  ลูกอ๊อดจะรอดตายเป็นลูกกบให้เราก็ช่วงนี้แหละครับ เราต้องคอยคัดแยกลูกอ๊อดทุก  2-3  วันครับ


การเลี้ยงกบตอนที่  2
           การเลี้ยงกบในบ่อดิน  จากการที่ลองผิดลองถูกมาหลายครั้ง จนมาถึงวันนี้ สามารถเพาะเลี้ยงกบได้ประสบผลสำเร็จ  ตอนนี้ผมมีบ่อเพาะลูกอ๊อด  2  บ่อ  บ่อคัดแยกลูกอ๊อด  4  บ่อ  บ่อขุน 2  บ่อ และบ่อเก็บพ่อพันธุ์อีก  2  บ่อ

              การเลี้ยงกบ ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่ลองทำจริง ๆ แล้ว ยุ่งยาก เพราะต้องดูแลเอาใจใส่อย่างดี ผลตอบแทนจากการเลี้ยงกบที่ผ่านมา

ราคาขายกบในช่วงหน้าฝน

             ตอนนี้กบที่ผมเลี้ยงไว้ น้ำหนักอยู่ที่ 7 - 8 ตัว/กิโลกรัม
              -   ราคาขายส่ง             กิโลกรัมละ         60 - 70   บาท
              -   ราคาขายปลีก           กิโลกรัมละ         80 - 100  บาท

ราคาขายกบนอกฤดูกาล

              -   ราคาขายส่ง         กิโลกรัมละ     70 - 80  บาท
              -   ราคาขายปลีก       กิโลกรัม           100  บาทขึ้นไป

ราคาขายลูกอ๊อด

              -  ราคาขายส่ง      กิโลกรัม      140 - 150  บาท
              -  ราคาขายปลีก    กิโลกรัม      180 - 200  บาท

ราคาขายลูกกบ ที่ตัดหางแล้ว

              -  ลูกกบ  อายุ   1   เดือน                 ตัวละ            1   บาท
              -  ลูกกบ  อายุ   45 วัน - 2   เดือน      ตัวละ          2-3  บาท



                   ผมมีบ่อเพาะลูกอ๊อดอยู่  2  บ่อ แต่ละบ่อเพาะเลี้ยงลูกอ๊อดได้บ่อละ 15-16  กิโลกรัม
ปัจจุบันผมมีแม่พันธุ์ที่สามารถเพาะลูกกบได้อยู่  7 คู่  และมีพ่อแม่พันธุ์ อายุ 5-6 เดือน ที่เตรียมไว้เป็นพ่อแม่พันธุ์ในปี 2556 อยู่ 1,000  ตัว
                              จากการเลี้ยงกบที่ผ่านมา ผมได้ลองทำบัญชีรายรับรายจ่ายจากการเลี้ยงกบ พบว่า กบกินอาหารสิ้นเปลืองมาก

                   การเลี้ยงกบในบ่อดิน จะต้องดูแลเรื่องระบบจัดการน้ำ การระบายน้ำ การให้อาหาร ตลอดจนการป้องกันเรื่องโรคกบ ศัตรูกบ จากการเลี้ยงที่ผ่านมายังไม่พบปัญหาเรื่องโรคกบ แต่พบศัตรูกบ นั่้นก็คือนก อีกา ที่คอยจะมาจับกินกบ  และศัตรูํของลูกก็บ นั่นก็คืองู ที่มาวนเวียนรอบ ๆ บ่อกบ ผมต้องคอยออกไปส่องไฟดูตามบ่อกบทุกคืน เพื่อจัดการกับศัตรูกบ ด้วย


                   อัตราการรอดตายของลูกกบ 80-90% การเลี้ยงกบ ควรทดลองเลี้ยงลูกอ๊อดให้โตเป็นกบก่อน แล้วจะรู้ว่าปัญหาของการเลี้ยงลูกอ๊อดให้รอดตายได้ ก่อนที่จะโตเป็นกบต้องทำยังไงบ้าง เลี้ยงไป ศึกษาการเจริญเติบโตของลูกกบ ปัญหาการกัดกินกันของลูกกบ ปัญหาการตายของลูกกบ เกิดจากอะไร

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 อาทิตย์  บุญมีรักษ์  เป็นคนอุบลราชธานีครับ
อาศัยอยู่บ้านเลขที่  6 หมู่ 1 บ้านค้อ ตำบลกุดลาด อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 34000
โทร 080-1645444 

 พยายาม ค้นหาอาชีพที่ยั่งยืนให้กับตัวเอง ทำงานทุกอย่างเพื่อให้ได้เงิน ยกเว้นงานที่ผิดกฎหมาย     ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้าง ทำงานบริษัท เป็นช่างซ่อม  รับจ้าง  เปิดร้าน ทำำมาหมดแล้วครับ ปัจจุบันทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราว ในหน่วยงานของรัฐ เป็นเวลา  5  ปี แล้วครับ พยามมองหาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว จนมาวันนี้ชีวิตความเป็นอยู่ในครอบครัวดีขึ้นเรื่อย ๆ อาชีพที่ัยั่งยืนคืออาชีพที่พ่อแม่พาทำำมาเป็นอาชีพที่ยั่งยืนที่สุดแล้ว ครับ นั่นคือ การทำนา ทำสวน  เลี้ยงปลา ปลูกผักสวนครัว อย่างน้อยเราก็มีข้าวมีปลา มีผักกิน ก่อนหน้านี้ ผมสงสัยว่า คำว่า เศรษฐกิจพอเพียง คือ อะไรผมไม่รู้  รู้แต่ว่าทุกวันนี้ผมใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ใช้จ่ายอย่างประหยัด ทำบัญชีรายรับรายจ่าย เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น คนเราที่ลำบาก เป็นหนี้เป็นสินทุกวันนี้ ก็เพราะความอยาก อยากได้อยากมี ทำในสิ่งที่เกินกำลังทรัพย์ของตัวเองสุดท้ายก็เข้าสุภาษิตคำพังเพยที่ว่า เห็นช้างขี้ขี้ตามช้าง  ความหมายว่า ทำเลียนแบบคนใหญ่โตหรือคนมั่งมี ทัง ๆ ที่ตนไม่มีกำลังทรัพย์ หรือความสามารถพอ

ธรรมปฏิบัติ

คน ที่ประพฤติตนเช่นนี้ ควรแก้ด้วยการปฏิบัติตาม "สัปปุริสธรรม ๗" ข้อที่ว่า "มัตตัญญุตา" ความรู้จักประมาณในการแสวงหาเครื่องเลี้ยงชีวิตแต่โดยทางที่ชอบและรู้จัก ประมาณในการบริโภคแต่พอควร

  ----------------------------------------------------------------------------------------------------------

การเพิ่มมูลค่าโดยการแปรรูป 

"อั่วกบ" อาหารพื้นบ้านจานนี้ ผมทดลองทำดู  ส่วนประกอบ ก็จะมี

         1.  กบ 1  กิโลกรัม 
         2.  เนื้อกบครึ่งกิโลกรัม 
         3.  เนื้อหมูครึ่งกิโลกรัม 
         4.  วุ้นเส้น   4 ขีด  
         5.  ใบแมงลัก  
         6.  พริกแกง  
         7.  พริกขี้หนู  
         8.  ตะไคร้  
         9.  ใบมะกรูดหั่นฝอย  
        10.  เกลือ 
ขั้นตอนต่อไป        1.  ชำแหละ กบ ลอกหนัง ตัดหัวตัดเท้า ควักเครื่องในออก ล้างน้ำให้สะอาดแล้วพักให้สะเด็ดน้ำ 
        2.  ส่วนเนื้อกบและเนื้อหมูสับรวมกันให้ละเอียด เตรียมไว้เป็นไส้ 
        3.  จากนั้นนำ  ตะไคร้ ใบมะกรูด ใบแมงลัก พริกสด พริกแกง เกลือ ผสมใส่ครกโขลกหยาบๆ 
        4.  ตักส่วนผสมคลุกเคล้ากับหมูบด  กบสับ และ วุ้นเส้นให้เข้ากัน

ยัดส่วน ผสมที่ได้ทั้งหมด ใส่ตัวกบให้แน่นจนพองโต แล้วนึ่งประมาณ 10 นาทีให้เครื่องข้างในสุก ใส่น้ำมันลงกระทะพอร้อน นำกบที่นึ่งแล้วลงไปทอดอีกครั้ง จนกบยัดไส้สุกเหลืองหอม